คุณกำลังมองหาอะไร?

ทความเรื่อง...อยากให้น้องหายไปจากชีวิต

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

04.10.2563
22
0
แชร์
04
ตุลาคม
2563

บทความเรื่อง...อยากให้น้องหายไปจากชีวิต

พญ. นงลักษณ์   สุรจิตศกลรัตน์

กุมารแพทย์ชำนาญการพิเศษ

ศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา

ช่วงนี้  บางท่าน อาจได้ชมคลิปวิดีโอ  ที่แชร์กันในโลกออนไลน์     เป็นคลิปเรียกน้ำตาสำหรับผู้ที่ได้รับชมเลยทีเดียว     พี่น้องสองคนเป็นเด็กผู้หญิงทั้งคู่       พี่สาวดุ และตีน้อง  ทำโทษที่ทำตุ๊กตาเสียหาย    แล้วคุณแม่ก็มาเห็นพอดี ตอนพี่ตีน้อง      พี่สาวจึงถูกคุณแม่ดุว่า  และตี  ด้วยความโกรธ    พี่สาวก็มองดูน้องอย่างโกรธแค้น     ส่วนน้องสาวมองดูพี่อย่างเย้ยหยัน        จวบจนโตเป็นผู้ใหญ่  ต้องอยู่บ้านเดียวกันสองคน      เพราะคุณแม่เสียชีวิตไปแล้ว     ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ       จนบางครั้งพี่สาวอยากให้น้องหายไปจากโลกนี้   หายไปจากชีวิตของเขา          ต่อมาพี่สาวตรวจร่างกายพบว่าเป็นมะเร็งขั้นร้ายแรง   ต้องได้รับเคมีบำบัดจนผมร่วง   ร่างกายทรุดโทรม       น้องสาวได้กลับมาดูแล และบริจาคผมให้

เราได้ชมวิดีโอ ที่ซาบซึ้งหลากหลาย     บางคนกด Like ให้  แล้วก็ลืมไป      แต่ถ้าเราได้นำมาศึกษาเรียนรู้  และนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน   ก็จะได้ประโยชน์มาก  วิดีโอข้างต้นนี้  เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง     เริ่มตั้งแต่คุณแม่ที่จะต้องมีความเข้าใจลูกๆ    เมื่อเขามีปัญหาทะเลาะกัน    คุณแม่ได้ควบคุมอารมณ์ของตัวเองดีเพียงไร      ได้สังเกตและ สอบถามข้อมูลครบถ้วนหรือไม่   ก่อนที่จะตัดสินว่าใครผิด  ใครถูก เมื่อลงโทษไม่เหมาะสม  หรือเกิดความลำเอียง    ก็จะทำให้เกิดความไม่พอใจ สะสมมากขึ้นๆ ในใจของลูกๆ     จะดีกว่าหรือไม่   ถ้าเรื่องจะเปลี่ยนใหม่   โดยคุณแม่แยกทั้งคู่ออกจากกัน  ถามที่มาที่ไปของการตีน้อง  รับฟังอย่างสงบ แนะนำวิธีการสอนน้องอย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องตีน้อง   สอนการเป็นพี่  ก็ต้องดูแลน้อง ส่วนน้องก็ต้องเชื่อฟังพี่      บอกให้ลูกได้รู้ว่า คุณแม่รักลูกทั้งสองคน  และแม่ดีใจมากที่ลูกๆ รักใคร่กันดี   เมื่อมีลูกคนแรก   คุณพ่อคุณแม่ดีใจ  ทุกคนในบ้านดีใจ   ลูกคนนี้ได้รับความรักอย่างเต็มที่จากทุกคน แต่เมื่อต้องมีน้อง    ก็เหมือนมีคนมาแบ่งส่วนไป  ถ้าผู้ใหญ่วางตัวไม่เหมาะสมก็อาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ที่รุนแรงได้ และอาจไม่จบแบบซาบซึ้งเหมือนในคลิปวิดีโอนี้ เมื่อมีน้องใหม่   คุณแม่ยุ่งกับน้องคนใหม่มาก ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกคนแรก

เหมือนเดิม ทำให้เด็กเครียด พี่อาจมีปฏิกิริยาต่างๆ ที่ไม่ดี เช่น เรียกร้องความสนใจมากขึ้น ดื้อมากขึ้น ตีน้อง ไม่กินข้าว ปัสสาวะรดที่นอน ดังนั้นเมื่อคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์น้องคนใหม่ จึงควรเตรียมตัวพี่ให้พร้อมก่อน ฝึกหัดให้เขาช่วยเหลือตัวเองได้ดีเหมาะสมกับวัย เมื่อคุณแม่ยุ่งกับน้อง ไม่มีเวลาดูแลเขาได้เต็มที่ เขาจะได้ไม่เครียดมาก นอกจากนี้อาจคุยให้ฟังเกี่ยวกับน้องที่อยู่ในท้อง และข้อดีของการมีน้อง

 

เมื่อคุณแม่คลอดน้องแล้ว   คุณพ่อคุณแม่ ต้องแสดงให้เขารู้ว่า ยังรักเขาเหมือนเดิม      และควรมีเวลาที่เขาจะมี  คุณพ่อคุณแม่เป็นของเขาคนเดียว     เช่น  เล่านิทานให้ฟังในช่วงที่เขาเข้านอน  ซึ่งในช่วงนั้นน้องหลับไปแล้ว      เมื่อคุณพ่อ กลับจากที่ทำงาน  ต้องไปหาเขาก่อน  แล้วจึงชวนกันไปดูน้อง สอนวิธีจับน้องที่ถูกต้อง   อาจคุยให้ฟังว่า   น้องยังเล็ก บอบบาง   ต้องจับแบบนุ่มนวล    เป็นพี่ต้องดูแลน้อง     และเมื่อเขาทำถูกต้อง เหมาะสม  ก็ชมเชยให้เขารู้ ถ้าพี่อยากอุ้มน้อง   ก็สามารถให้อุ้มได้   โดยคุณแม่อุ้มเขาอีกชั้นหนึ่ง  ถ้าคุณพ่อคุณแม่ ได้เตรียมตัวพี่อย่างดีแล้ว   ก็จะสามารถลดปัญหาต่างๆไปได้มาก  การสื่อสารกันในครอบครัวอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้เกิดความสุขในครอบครัว

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน